วันนี้มีโอกาสได้ไปชิมร้านอาหารไทยปักษ์ใต้ที่ขึ้นชื่อว่าจองยากมากๆ
ที่มาพร้อมกับดีกรี 2 ดาว มิชลิน ใช้วัตถุดิบจากปักษ์ใต้ 99% และเป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ให้ dining experience ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมา
ข้อมูลร้าน
ชื่อ: Sorn (ศรณ์)
ที่อยู่: กลางซอย สุขุมวิท 26
เวปไซต์: https://www.jimbochoden.com/en
จอง: https://www.tablecheck.com/en/shops/sorn-fine-southern-cuisine/reserve (แนะนำให้โทรจอง +66 99 081 1119)
ราคา: 4800THB ++
รางวัลการันตีคุณภาพ:
– มิชิลิน 2 ดาว
– อันดับที่ 48 จาก Asia’s 50 Best Restaurants
บางคนอาจจะไม่รู้จักร้าน Sorn มาก่อน แต่ถ้าบอกว่านี่คือร้านของเชฟไอซ์ เจ้าของร้านอาหารบ้านไอซ์ น่าจะอ๋อ กันทันที โดย ศรณ์ เรียกได้ว่าเป็นความทะเยอทะยานของเชฟที่จะนำอาหารปักษ์ใต้ทั้ง 14 จังหวัด มารังสรรค์เป็น fine dining 4 คอร์ส 20 จาน ราคา 4800++ ในบรรยากาศร่มรื่นกลางย่านสุขุมวิท
ตัวร้านเป็นบ้านไม้บรรยากาศเหมือนป่าใจกลางซอยสุขุมวิท 26 ในซอยแอบเอารถเข้ามายากนิดหน่อย ที่จอดรถอยู่ในโรงแรมด้านหน้า หรือจะจอดในห้างแถวพร้อมพงษ์แล้วขึ้น taxi มาก็ได้เหมือนกัน


บรรยากาศในร้านดีมากๆ แต่ละโต๊ะจะมีโซนเป็นของตัวเอง ค่อนข้าง private ไม่รบกวนกัน
เมนูจะวางเตรียมไว้อยู่ที่โต๊ะเรียบร้อย แต่ไม่มีให้สั่งนะ เพราะมันเป็น course 20 จาน อยู่แล้ว เว้นแต่จะแพ้อาหารอะไร (ยกเว้นแพ้อาหารทะเล อันนี้คือจบเลยนะ อย่าได้มา เหมือนไป sushi omakaze แต่ไม่กินปลาดิบอะ)


โหมโรง
เริ่มมาด้วย ฝรั่งแดงจากนครศรีธรรมราชโรยหอมเจียว และ น้ำพริกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เปรี้ยวปนแซ่บ เป็นการเริ่มต้นที่ดี

ถัดมาเป็นจักจั่นทะเลทอดกรอบกับหมึกกะตอย ทานคู่กับผงสาหร่าย
กรอบอร่อยกำลังดี สำหรับคนไม่เคยทานจักจั่นทะเล รสชาติจะคล้ายๆหัวหรือคางกุ้ง ครับ

ถัดมาเป็นอาหารทะเลสด ทานเริ่มจากซ้ายไปขวา
กุ้งมังกรเจ็ดสี -> ชมพู่กับตะลิงปลิง -> หอยสังข์
ตัวกุ้งมังกรคือสุดมาก เทียบร้านซูชิมิชิลินสตาร์ได้แน่นอน แต่อันนี้มาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ทำมาเป็นเกล็ดๆ รสชาติและรสสัมผัสครบถ้วน อร่อยน้ำตาไหล

ถัดมาเป็นจานที่ชื่อว่า สุราษฏร์ธานี ด้านซ้ายเป็นหัวกุ้งชุบแป้งทอดเสริฟร้อนกำลังดี แป้งไม่หนา ไม่อมน้ำมัน โรยด้วยไข่เข็มไชยา เพิ่มเข้มข้นไปอีกขั้น ด้านขวาเป็นหางกุ้งดอง ท๊อปด้วยเงาะเย็นๆ อร่อยไปอีกแบบ
พักเบรกด้วยลูกอมดอกดาหลา (torch ginger) เสริฟมาในถ้วยเย็นจัด รสชาติจะคล้ายขิง สดชื่นมาก

มาถึงพระเอกของชุดโหมโรง “กรรชูเปียง”
มันคือ กรรเชียงปูนั่นเอง เอามาย่างเตาถ่าน โปะด้วยน้ำพริกแกงเหลือง ท๊อปอีกทีด้วยไข่ปูหวานมัน สมกับเป็นจาน signature ของที่นี่

ปิดท้ายด้วยต้มเค็มรสกลมกล่อม ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน และ ยอดมะพร้าวย่าง หยดด้วยน้ำมันหอยเชลล์ เพิ่ม aroma ถึงกับต้องยกซดเลย ใช้ช้อนไม่ทันใจ

Main course
เรายังมากันไม่ถึงครึ่งทาง เมื่อสักครู่แค่ Amuse Bouches
ก่อนจะเข้า main จะคั่นด้วยพืชพรรณผักใต้ “ข้าวยำ”
หลังจากนั้นจะถูกกระหน่ำไปด้วยกับข้าวสารพัดอย่าง เริ่มจากโรตีบนเตาถ่านร้อนๆ
เสริฟคู่กับแกงเนื้อจากหมูบ้านมุสลิม ตุ๋นจนเปื่อย เอาส้อมไปแตะก็หลุดออกมาหมด พร้อมกับ อาจาดแมงกะพรุน และ แกงกรรเชียงปูที่เรียกได้ว่าเผ็ดจัดจ้านที่สุดจากทุกจาน

ไม่มีข้าว ก็ไม่ใช่อาหารไทย
ข้าวที่นี่หุงด้วยหม้อดินเตาถ่าน หุงแบบเช็ดน้ำตามตำรับโบราณ หอมและนุ่มฟูมากๆ

คนใต้กินหลากหลาย!
เครื่องเคียงมีอยู่ 5 อย่าง
น้ำพริกกะลา จิ้มกับผัก
หนังไก่ทอด
หลนเต้าเจี้ยว
หมูหวาน
และ พริกน้ำปลา

กับข้าวแบบเบาๆ ผัดฟักทองกุ้งมังกร กินเล่นได้เพลินๆ

แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียวและมังคุดคีรีวงศ์ เสริฟมาคู่กับปลาทรายทอดขมิ้น
ตักทานคู่กันพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ แค่สองจานนี้ก็มอบดาวให้ได้แล้วจริงๆ
สะตองานวัด
ไม่รู้วัดไหน จะไปกินทุกวัน
เป็นกุ้งลายเสือกับหมูสับและกะเทียมโทนผัดพร้อมพริกและสะตอ เผ็ดกำลังดี ไม่ทำร้ายคนทานมาก ฝรั่งกินได้

ปิดงานอาหารคาวด้วยแกงจืดลูกรอก
ซุปหน้าตาธรรมดาที่รสชาติไม่ธรรมดา เชฟเอาเปลือกปูและกุ้งที่เหลือจากเมนูข้างบนมาเผา และตุ๋นต่อ 5-6 ชั่วโมง เป็นแกงจืดที่อูมามิเต็มปากมากๆ กินล้างเผ็ดก่อนจะไปลุยของหวาน

Sweets
นั่งจิบไวน์รอของหวาน
ที่นี่ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารไทย แต่เครื่องดื่มก็จัดเต็มเหมือนกัน คราวหน้าว่าจะลอง paring

ของหวานอย่างแรกมีให้เลือก2อย่าง ระหว่าง “บีโกหมอย” ไอศกรีมมะพร้าวกับ paste ข้าวเหนียวดำ
ตัวไอศกรีมหอมมากๆ ถ้าทำขายจะซื้อแน่นอน

หรือ สาคูเปียกลำไย
ทำจากสาคูต้นแท้ๆ คู่กับชอเบต์ลำไยมะพร้าว เสริมความมันด้วยมะพร้าวย่าง อร่อยไม่แพ้กัน

ผลไม้กระป๋อง? เห้ย ร้านระดับมิชิลิน มาเสริฟผลไม้กระป๋องอะนะ
จริงๆ แล้วเป็นกิมมิคเล็กๆ ของเชฟในขณะที่ทำงานพิเศษอย่างเหน็ดเหนื่อยในครัวที่อเมริกาและได้เงาะกระป๋องเย็นๆ มากินเติมความสดชื่น
ข้างในเป็นมะปรางหวานเย็นๆ เสริฟพร้อม granita ส้มจี๊ด
ยัง ยังไม่ได้กลับบ้าน
ยังมี Petit Four อยู่ เป็นขนมหวานกระจุกกระจิก 9 อย่าง ทานคู่กับโกปิ๊ เป็นอันจบ course ได้อย่างสวยงาม และพุงกางมากๆ
มีของที่ระลึกมอบให้ด้วย อันนี้ได้เป็นเนยกาหยู และแยมเงาะ เอาไว้ทานกับขนมปังหรือสโคนตอนเช้า

ค่าเสียหายทั้งหมดคนละเกือบ 6000 บาท เพราะสั่งเครื่องดื่มกันเพิ่มด้วย แต่รับรองว่าคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน สามดาวอยู่ไม่ไกล สู้ๆ นะเชฟไอซ์
