พบกับ พับกบ รีวิว ANA (All Nippon Airways) สายการบิน 5 ดาว 7 ปีซ้อน ไปกลับ กรุงเทพ โตเกียว บินหรู ของกินดี นอนสบาย บน Business Class
Disclaimer: post นี้เป็น customer review และไม่ได้รับการสนับสนุนจากสินค้าหรือบริการใด ๆ
รายละเอียดและประสบการณ์ในการใช้บริการอาจจะแตกต่างหรือตกหล่นไปบ้าง
โพสนี้เป็นไฟลท์ขากลับจากนาริตะ ไป สุวรรณภูมิ นะครับ เพื่อที่จะได้รีวิว ANA lounge ไปด้วยเลย
สำหรับใครอยากดูรีวิว Royal Orchid Prestige Lounge ของการบินไทย กดที่นี่
สำหรับไฟลท์ที่จะรีวิวให้ชมคราวนี้คือ NH805 สายการบิน ANA (All Nippon Airways)
วันที่ 21 Feb 2020 เวลา 18:30-23:50 จาก นาริตะ ถึง สุวรรณภูมิ ด้วยเครื่องบิน Boeing 787-9 Dreamliner ที่นั่ง 2K ริมหน้าต่าง
รูทเอเชียส่วนใหญ่ของ ANA จะไม่มี First Class ครับ จะเน้น Business Class ซะมากกว่า
จัดเป็น 1-2-1 staggered seats ทุกที่นั่งสามารถเดินออกได้โดยไม่ต้องปีนข้ามใคร และให้ privacy ค่อนข้างสูง

หลังจากผ่านด่าน Check-In ตรวจคนเข้าเมืองแบบ fast track ก็ตรงดิ่งไปที่ Lounge ทันที เพราะวันนี้เราไม่ช้อปปิ้ง ฮ่าา โดยเลานจ์ที่จะใช้วันนี้จะอยู่ชั้นบนของ Gate 56 พอดี (ดูแมพที่นี่)

บรรยากาศการตกแต่งภายในเลานจ์จะเน้นโทนขาวดำเรียบหรู มีผนังกระจกยาวๆ ไว้นั่งชมเครื่องบินเพลินๆ

ก่อนอื่น ไปอาบน้ำทำร่างกายให้สดชื่นเนอะ วันนี้คนน้อย ไม่ต้องรอคิว
ห้องน้ำที่นี่ดีมากๆ สะอาดเอี่ยม amenities ครบ ผ้าขนหนู แปรงสีฟัน มีดโกน หมวกอาบน้ำ ครีม เจล
ไลน์อาหารถือว่าค่อนข้างดี มีสลัด อาหารตะวันตก อาหารญี่ปุ่น
เครื่องดื่ม ชากาแฟ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ เบียร์ สาเก ส่วนใหญ่จะอยู่ในตู้กดอัตโนมัติ ไม่มีกระป๋องหรือขวดให้ ลดขยะเพื่อโลก เบียร์สดก็กดจาก tap ได้เองเลยจ้า
เมนูที่ถือว่าเป็น highlight ของ ANA Lounge คือข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น และราเมงต่างๆ
เสิร์ฟร้อนๆ

ของโปรดข้าพเจ้าคือ Tonkotsu Ramen ที่มากี่ครั้งก็ต้องสั่ง ให้ตายเถอะ
อาบน้ำเสร็จ ต่อด้วยราเมงนี่มันนิพพานจริงๆ

ออกจากเลานจ์ก็ลงบันไดเลื่อนไปที่ gate เพื่อเตรียม boarding
ถึงแม้จะไม่มี First Class แต่ถ้าใครเป็น Diamond member ก็ board ได้ก่อนชาวบ้าน (เห็นไฟลท์ละคนสองคน ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ชิลๆ)
Business Class จะอยู่ Group 2
วันนี้นั่งริมหน้าต่าง ที่นั่ง 2K เป็นที่นั่งชิดหน้าต่างที่อยู่หน้าที่สุดครับ (แถว1 จะเป็น 1H เก้าอี้จะอยู่ริมทางเดิน)
เก้าอี้สามารถปรับเอนราบ หน้าหลัง ได้ นอนสบายแน่นอน
ข้างๆที่นั่งจะเป็นโต๊ะวางของ วางหูฟัง มีรีโมทอยู่ข้างเก้าอี้ ถึงแม้จอจะเป็น touch screen แต่ก็คงไม่เอื้อมไปกดบ่อยๆ เนอะ มันไกล
จอขนาดกำลังดี เต็มตา ข้างๆมีที่แขวนโค้ทด้วย

จริงๆ ไฟลท์นี้ไม่มีถุง amenities ให้นะ เพราะไม่ได้เป็นไฟลท์ข้ามคืน และใช้เวลาแค่ 5 ชั่วโมง อันนี้เป็นของไฟลท์ขากลับตอนกลางคืน เอามาให้ดูเล่นๆ เป็นถุงผ้าลายน่ารักๆ ข้างในมีผ้าปิดปาก ปิดตา อุดหู แปรงสีฟัน (มี handcream ด้วย แต่ต้องขอเอาเอง)
เมนู มีทั้งอาหารหลัก และอาหารว่าง สั่งเมื่อไหร่ก็ได้ มีราเมงจาก Ippudo ด้วย
เอา Amuse มากินเล่นก่อน อันนี้ก็หยิบเท่าไหร่ ขอเมื่อไหร่ก็ได้เหมือนกัน ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าพุงเราไหว

แอดเลือก Washoku (อาหารญี่ปุ่น) เหมือนเคย
อาหารจะแบ่งเป็นสองชุด ชุดนำ กับ ชุดหลัก
ในชุดนำจะมี เครื่องเคียงสองอย่างเป็นสลัดปลาหมึกปลากะพงแดงกับซอสบ๊วย แล้วก็เนื้อวากิวตุ๋นซอสโชยุผสมขิง

อาหารจานนำจะมี หอยงวงช้าง ซูชิปู เป็ดตุ๋นโชยุ แล้วก็ มิวเฟยฟัวกรา

ต่อด้วยอาหารจานหลัก ปลาค๊อดย่างซอสหมักเกลือพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หอมสุดๆ
สั่งเบียร์มาแก้วนึง เข้ากันมาก

ที่นั่ง 2K จะอยู่ไกลห้องน้ำหน่อย แต่ข้อดีคือมันค่อนข้างสงบ แล้วก็ได้รับบริการค่อนข้างไว เพราะอยู่ใกล้ครัว
สิ่งที่ดีงามมากของห้องน้ำบนสายการบินญี่ปุ่นคือ ส้วมมี washlet กดปุ่ม
ในห้องน้ำมีแปรงสีฟันและน้ำยาบ้วนปากให้ใช้ด้วย
เนื่องจากไม่ได้บินข้ามคืน แอดเลยนั่งดูหนังวนไป เลยขอเอารูปที่นั่งเวลาปรับเป็น flatbed จากไฟลท์อื่นแต่เป็นที่นั่งแบบเดียวกันมาให้ดูแทน นอนสบายมากๆ หลับยาวได้เลย


พบกันใหม่รีวิวหน้า ถ้าใครอยากดูเลานจ์ของการบินไทยอันใหม่บ้าง ก็ไปดูต่อที่นี่ นะครับ
สวัสดี 🙂