Jimbocho Den ร้านอาหารสไตล์ Innovative Japanese ผสานความสนุกสนานขี้เล่นและเป็นกันเอง จากเชฟระดับโลกอย่างคุณฮาเซะกาว่า ที่มาพร้อมกับรางวัลระดับ World class มากมาย
ข้อมูลร้าน
ชื่อ: Jimbocho Den (Den, 傳, เด็น)
ที่อยู่: 〒150-0001 Tokyo, Shibuya City, Jingumae, 2 Chome−3−18
เวปไซต์: https://www.jimbochoden.com/en
จอง: https://www.jimbochoden.com/en/reserve (รับจองทางโทรศัพท์เท่านั้น)
ราคา: 17000JPY ++
รางวัลการันตีคุณภาพ:
– มิชิลิน 2 ดาว
– The Best Restaurant in Japan 2018, 2019 & 2020
– World’s 50 Best Restaurants Art of Hospitality Award 2019
– อันดับที่ 3 จาก Asia’s 50 Best Restaurant 2020
– อันดับที่ 11 จาก World’s 50 Best Restaurant 2020
– 4.38 คะแนน Tabelog
แอดขอพาไปกินร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ Kaiseki บ้าง เผื่อลืมกันแล้วว่าแอดอยู่ญี่ปุ่น
ครั้งนี้พิเศษมากๆ เพราะร้านที่จะไปวันนี้เป็นหนึ่งในร้านจองยากมหาโหดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลย นั่นก็คือ Jimbocho Den !!!
อย่างที่เขียนไว้ข้างต้น ร้านรางวัลระดับโลก มันต้องแย่งกันจองอยู่แล้ว ความยากก็คือร้านนี้ไม่รับจองทางอินเตอร์เนต ต้องโทรไปหรือไปขอจองหน้าร้านเท่านั้น แอดให้เพื่อนจองให้ล่วงหน้าประมาณสองเดือนกว่าจะได้กิน

ที่ตั้งของร้านอยู่ ย่าน Aoyama ห่างจากสถานี Gaien-mae ประมาณ 10 นาที หรือ Omote-sando ประมาณ 7 นาที อยู่ใกล้ๆ Florilège เจ้าของร้านเค้าสนิทกันแหละ เร็วๆ นี้จะมี colaboration กันด้วย
แอดไปวันเสาร์ตอน 6 โมง ตอนร้านเปิดพอดี เป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆ ของวัน
บรรยากาศในร้านสบายๆ ไมได้เน้นความหรูหรา มีลายเซ็นคนดังตามกำแพงเต็มไปหมด

ทางร้านมีอยู่ course เดียว ราคาประมาณ 17,000เยน++ ทั้งหมด 7 จาน รวมของหวาน ไม่รวมเครื่องดื่ม แต่ถ้าอยากดื่ม ก็ขอคำแนะนำจาก sommelier ได้ตลอดเวลา
เชฟใส่ใจรายละเอียดของลูกค้ามากๆ ถ้ามาครั้งแรกจะโดนถามเยอะมากว่า เรามาจากไหน มากี่ครั้งแล้ว แพ้อาหารอะไรบ้าง เพราะทางร้านอยากให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการรับประทานอาหาร และการมาแต่ละครั้ง เราก็จะได้ทานสิ่งใหม่ๆ ตามฤดูกาลและไม่ซ้ำกับครั้งก่อน

ทันทีที่นั่งลง sommelier ซึ่งเป็นภรรยาของเฮดเชฟ ก็เข้ามาทักทายและแนะนำเครื่องดื่ม
มีให้เลือกระหว่าง สาเกนิฮงชุ กับ Sparkling wine
พอดีอยากได้อะไรหวานๆ สดชื่นๆ ก็เลยเลือก Sparkling wine

ทานคู่กับขนม Monaka ขึ้นชื่อของทางร้าน
เป็นขนมคล้าย แซนวิสกรอบๆ ไส้ฟัวกรา แยมสตอเบอรี่ และไชเท้าดอง
ฟังดูแปลก แต่โคตรรรรรรอร่อย หวานมันกรอบ เค็มนิดๆ เข้ากันมากๆ คิดได้ไง


ตามมาด้วยซุปข้น ที่ทำจากไชเท้า ขิง ข่า ต้นหอม พร้อมกับ Ebimo ที่ปั้นเป็นก้อนๆ คล้ายๆ ลูกชิ้นในโอเด้ง สดชื่นมากครับ

ถัดมาเป็นจานเปล่า….. ห้ะ

ปล่อยให้เรานั่งมองจานงงๆ อยู่สักพัก คุณฮาเซะกาว่า ก็ถือกล่องแปลกๆ เดินมาวางบนจานเรา

มันคือไก่ Den-Tucky Fried Checken (DFC) อันเลื่องชื่อในตำนานนี่เอง
ถูกซ่อนอยู่ในกองฟางใบไม้แดง หอมมากๆ ข้างในเป็นไส้เกาลัดกับข้าวเหนียวโมจิ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
เป็นปีกไก่ทอดที่อร่อยมากๆ



ของทอดก็ต้องกินกับสาเกญี่ปุ่น(นิฮงชุ) แก้วปั้นโดยเพื่อนของเชฟ รูปทรงแปลกตาสวยงาม

ต่อด้วยซาชิมิปลา”บุริ” ที่นุ่มหวานมันสุดๆ ในซอส ponzu กับไช้เท้า


จานปลาอีกอย่างนึง อันนี้เป็นปลาเนื้อขาว Kamasu เสริฟพร้อมกับรากบัวแล้วก็กะหล่ำปลีกรอบ ที่กรอบมากๆ เหมือนสาหร่ายอบกรอบเลย ได้ texture ครบทุกแบบ

มีอุเมะชูหรือเหล้าบ๊วยญี่ปุ่นที่ทางร้านดองเอง รสเปรี้ยวหวานกำลังดีมาเสริมทัพ


มาถึงเมนู Signature “Garden Salad”
ปกติจานหลักมักจะเป็นเนื้อ แต่ของ Den จะเป็นสลัดที่ทำจากผักเกือบ 20 ชนิด ราดด้วยน้ำสลัดคมบุ คือยกมาทั้งสวนเลย อร่อยทุกคำ แต่ที่ประทับใจที่สุดคือมะเขือเทศกับมันเผา น่าจะอร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมา

มีเมนูซุปอีกหนึ่งอย่างครับ เป็นซุปเป็ดและเห็ดป่า
เนื้อเป็ดถือว่าปรุงมากำลังดี เผอิญไม่ได้เป็นคนชอบกินเป็ด ก็เลยเฉยๆ กับเมนูนี้ครับ แต่น้ำซุปอร่อยมาก

เตรียมปิดท้ายของคาวด้วยข้าวอบหม้อดิน donabe-gohan หุงด้วยซุป dashi โปะด้วยไข่ปลา ikura

เป็นปกติของอาหารญี่ปุ่นแบบ Kaiseki ที่จะมีข้าวกับซุปมิโซะปิดท้าย
ใครที่ยังหิวอยู่ก็เติมได้ไม่อั้น ยังไงก็ต้องอิ่มแล้ว ณ จุดนี้

แต่อย่ายัดจนอิ่มเกิน เรายังมีของหวานปิดท้าย
ครั้งนี้เป็นลูกพลับกับพุดดิ้งนมโปะด้านบนด้วยเยลลี่เหล้ารัม


ค่าเสียหายสุทธิ 24,000เยน ถ้วน
เป็นอีกมื้อที่แฮปปี้มาก สมกับเป็นร้านอาหารระดับ top 50 ของโลก นอกจากความสร้างสรรค์ของเมนูอาหารแล้ว เชฟและสตาฟยังขี้เล่นเป็นกันเองมากๆ ด้วยคอนเซป “fun dining” ของร้าน
แนะนำให้ลองครับ!